-
ลิงไวพบไม้ดอก-กระรอกไวพบนายธนู
|
|
-
ต่อไปนี้เป็นคำพังเพยที่ว่า
ลิงไวพบไม้ดอก-กระรอกไวพบนายธนู
ให้รู้กันไว้บ้างลิงกับกระรอกเปรียบได้คือจิตใจที่หลงใหลอยู่ในสังขารร่างกายที่เกิด
แก่ เจ็บ ตาย
นั้นเอง
ไม้ดอกคือความชราแตกดับตายไปนั้นเอง
นายธนูคือความเจ็บไข้ได้ป่วยนานาประการนั้นเองจิตวิญญาณเปรียบได้เหมือน
หมู่ลมจะดีหรือชั่วเช่นเดียวกันนะท่าน
|
|
-
ดูก่อนภิกษุ
สามเณร ชี
พราหมณ์ อุบาสก
อุบาสิกา
ผู้ปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต้องให้รู้ความหมายของพระพุทธเจ้า
ความหมายของท่านเพื่อรื้อสัตว์มนุษย์ชาย-หญิงให้ข้ามพ้นจากโอฆะสงสาร
ข้ามจากภพทั้งสาม
ข้ามเข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว
ไม่เกิดแก่เจ็บ-ตายอีกต่อไป
ท่านวางทางไว้ให้ท่านชายและท่านหญิงให้เดินไปตามทางเดินนั้นคือ
ศีล สมาธิ
ปัญญา
ยังมีอยู่ทุกวันนี้พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่าจิตวิญญาณท่านชายและท่านหญิงเป็นธรรม
อันไม่ตายพอจะเข้าสู่พระนิพพานได้
เพราะว่าจิตวิญญาณที่หลงอยู่เวียนว่ายเกิดตายเพราะสังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
อาตมาภาพได้พร้อมใจกันโดยสามัคคีธรรมด้วยภิกษุ
สามเณร ชี
พราหมณ์ อุบาสก
อุบาสิกา
ได้ก่อสร้างเสนาสนะไว้ให้ในพระพุทธศาสนาให้ถาวร
ก็เพื่อรื้อสัตว์มนุษย์ให้เข้าสู่พระนิพพานนั้นเอง
บางท่านไม่รู้ซึ้งถึงความหมายของพระพุทธเจ้าบัญญัติเลยเข้าใจผิด
นึกคิดผิด
หาว่าวัดวาอารามสถานที่ในทางพระพุทธศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพื่อให้มนุษย์บำเพ็ญบารมีเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์มนุษย์ชาย-หญิงให้ออกจากความโลภ
โกรธ หลง
ให้เข้าสู่พระนิพพานให้พ้นจากความเกิด-แก่-เจ็บ-ตายกันเสียบ้าง
ความหมายของพระพุทธองค์เป็นเช่นนี้
บางท่านถือเอาวัดวาอารามเสนาสนะเป็นที่ทำมาหากินชีวิตสังขารตนและผู้อื่น
อย่างนี้ก็มีโดยผิดจากศีลและธรรมก็ไม่รู้เพราะหลงอยู่ในสังขารตนและผู้อื่นแห่งกาม
กลายเป็นผู้หลงตายเลยไม่รู้กองทุกข์ที่เรามาเกิดทำไมมาได้
เราจะไม่เกิดจะไม่ได้หรือ
เช่นนี้ได้พิจารณาคิดดูกันหรือเปล่า
อันนี้มันเป็นเรื่องราวของตนเองทุก
ๆ ท่านชาย-หญิงเรามาเกิดปฏิสนธิอยู่ในร่างกายของสัตว์มนุษย์ให้พิจารณารู้ธรรมอันไม่ตาย
สังขารของมนุษย์และสัตว์นี้อยู่ไม่นานสักเท่าไรนัก
สักประเดี๋ยวเขาก็ทำลายขันธ์แตกดับไปเท่านั้น
ท่านอย่าไปหลงสังขารตนและผู้อื่นเป็นที่พึ่งพาอาศัยถาวร
แม้แต่ท่านนอนหลับก็ยังลืมตนไปแล้ว
อันว่าตนของตนเป็นที่ของตนแล
อันนี้ได้แก่ธรรมอันไม่ตายนะท่านชาย-หญิง
ทุกข์โศกบุญบาปกระทำด้วยตนเองรักก็ดี-เกลียดก็ดี
ทำด้วยตนเองสิ่งที่กล่าวมานี้เรายังทำกันได้
เราจะไม่ทำไม่ได้หรือ
อันสิ่งใดเราทำได้
เราจะเลิกทำเสียก็ได้เหมือนกัน
การกระทำอันใดใดนั้นยากลำบากในกายในการกระทำนั้น
ๆ
เรายังอดทนกระทำกันไม่ใช่หรือ
การเลิกจากการกระทำทางกาย
วาจา ใจ
นั้นมันง่ายยิ่งได้กว่าการกระทำไม่ใช่หรือ
ทำไมไม่พิจารณาเลิกละกันเสียบ้างฯ
|
|
-
อย่าถือตนว่าตนเป็นผู้ฉลาดให้ยอมตนเป็นผู้โง่เสียบ้าง
มันถึงจะเลิกได้
ธรรมเหล่านี้ผู้ปฏิบัติชาย-หญิงให้พิจารณาให้ซึ้งกันสักหน่อย
เพราะเส้นผมมันบังอยู่ทุกตัวคน
ธรรมเหล่านี้เป็นธรรมตรัสรู้ในทางรู้แจ้งของผู้ปฏิบัติจะรู้ได้เฉพาะตน
ผู้มีปัญญาสามารถสั่งสอนให้ผู้อื่นให้รู้ตามตนไปได้ดังนี้
ผู้ไม่มีปัญญาความสามารถก็ไม่มีเช่นกัน
ให้พิจารณากันบ้าง
วิญญาณคือตัวรู้มีอยู่ทุกตัวคน
ผู้ฉลาดจมอยู่ในกามสมุทัยนั้นจะจัดว่าเป็นผู้ฉลาดหรือโง่
ผู้โง่จมอยู่ในกามสมุทัยนั้นจะจัดว่าเป็นผู้โง่หรือฉลาด
ธรรมเหล่านี้เป็นจิตใจของท่านชาย-หญิง
ให้พิจารณาตรวจค้นดูในตนของตนดูกันบ้าง
ฉลาดยอมตนเป็นผู้โง่
ผู้โง่ยอมตนเป็นผู้ฉลาด
ท่านทั้งสองนี้จะล่วงทุกข์ได้ทั้งสองคนนะท่าน
เพราะท่านทั้งสองได้รับฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตามถึงท้ายที่สุด
ถึงจะจัดว่าเป็นผู้ล่วงทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ท่านเหล่าใดหลงยึดพรหมวิหาร
4
ที่เป็นเมตตาเครื่องค้ำจุนโลกอยู่นั้นจะจัดว่าเป็นผู้ล่วงทุกข์ได้นั้นย่อมไม่มีนะท่านชาย-หญิง
ภิกษุ -สามเณร
ชี พราหมณ์
ผู้ทรงเพศพรหมจรรย์ต้องยกจิตใจให้ออกจากเมตตาพรหมวิหาร
4 นั้นเสีย
ให้ยกจิตใจให้เข้าสู่อิทธิบาท
4 เมตตาเจโต
วิมุติญาณถึงจะถูกทางพระธรรมพระวินัยศีลสิกขาบทไปได้
พรหมวิหาร 4
เป็นเมตตาประกอบทุกข์อยู่
เพราะมันเป็นเมตตาประกอบกาม
ผู้ที่ปรารถนาเป็นผู้ครองเรือนอยู่
เมตตาเหล่านี้หลงเลี้ยงสังขารตนและผู้อื่นไม่ให้รู้ซึ้งถึงวิญญาณที่เป็นธรรมอันไม่ตาย
ไม่รู้ซึ้งถึงเจ้าของ
ๆ ของ
ว่าที่มาปฏิสนธิอยู่ในสังขารร่างกายอันแตกดับทนอยู่มิได้
ความรู้ซึ้งถึงวิญญาณตนและผู้อื่นย่อมไม่มี
เพราะติดอยู่ในเมตตาพรหมวิหาร
4 นั่นเอง
เมตตาพรหมวิหาร
4
มันเป็นสายทางโลกธรรมแปดประการนะท่านชาย-หญิง
|
|
-
-
-
- ความเมตตา
|
กรุณาพอหาได้ |
-
-
-
- หายากไซร้
|
คือน้ำจิตปราศจากริษยา |
-
-
-
- เขาได้ดี
|
ควรมีจิตมุฑิตา |
-
-
-
- เลิกอิจฉา
|
กันเถิดประเสริฐ
เอย |
|
|