-
ทรงพรต
|
|
-
อาตมาได้พิจารณาในสมาธิต่อไป
จึงเกิดมีความสว่างในปัญญาขึ้นว่า
เราต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์
ทั้งกาย
วาจา
ใจ
ให้บริสุทธิ์ทั้งศีลนอกและศีลใน
จิตใจของเราจึงจะสะอาดสงบ
ถ้าจิตแสดงความเว้นออกมาก็เป็นศีล
แสดงความสงบออกมาก็เป็นสมาธิ
แสดงอาการรู้ออกมาก็เป็นปัญญา
แสดงความหลุดพ้นออกมาก็เป็นวิมุติ
เป็นสัมมาทิฐิธรรมจะบังเกิดขึ้น
ให้ละสักกายะทิฐิ ละวิจิกิจฉานิวรณ์
และสีลัพพตปรามาสให้ขาดไปโดยสิ้นเชิง
พอคิดได้ดังนั้น อาตมาก็มีความโปร่งโล่งเบาขึ้นในจิต ไม่มีความวุ่นวายเหมือนอย่างเก่า
มีแต่ความสว่างมุ่งไปแต่ในทางพระธรรมวินัย ทำสมาธิปฏิบัติวันละหลายครั้งคือ
เช้า
เที่ยง
เย็น
กลางคืน
และจวนสว่าง
ครั้งละ 1-3
ชั่วโมง
มากน้อยตามโอกาส ปฏิบัติอยู่ได้ประมาณเดือนเศษจึงปลงผมนุ่งขาว
ทรงเพศเป็นดาบส รักษาศีลแปดโดยสมุจเฉท
อธิษฐานต่อหน้าพระปฏิมา
ณ.
วัดตำหนักเขาสาลิกา
(
ตามแบบและวิธีการข้างต้น
) ตั้งสัจจะ
จะมุ่งหน้าปฏิบัติเพื่อให้สำเร็จพระอรหันต์ หาไม่สำเร็จในชาตินี้
ขอให้ได้เป็นอัครสาวกของพระศรีอริยเมตตรัย
ให้มีปัญญาฤทธิ์เดชศักดานุภาพ
เพื่อรื้อขนสัตว์ เทวดา มาร
ให้ข้ามพ้นจากห่วงโลกีย์แห่งสังสารวัฏจนได้บรรลุมรรค-ผล-นิพพาน
สมตามความมุ่งหมายต่อไป
หากอาตมาเคยสร้างกรรมสร้างเวรไว้กับผู้ใด
ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
อาตมาจะไม่ขอจองเวร จะยอมใช้ให้ท่านจนหมดไปในปัจจุบัน
แม้แต่ชีวิตและร่างกาย
ด้วยหวังจะตัดภพตัดชาติให้สิ้นไป
ไม่หวังมาเกิดอีก
|
|
-
พอตั้งสัจจะอธิษฐานดังนี้แล้ว
อาตมาก็ตั้งหน้าทำสมาธิ
ด้วยกรรมฐานห้าต่อไป
ได้พิจารณาในสิกขาบททั้งแปดที่ตนรักษาอยู่ ให้บริสุทธิ์ทั้งกาย-วาจา-ใจ
ติดต่อกันเป็นเนืองนิตย์มิได้ขาดทุกอิริยาบถ
|
|
-
การทำจิตให้เป็นสมาธิ แล้วพิจารณาศีล
ให้บริสุทธิ์ในตอนนี้
ให้ผลที่ประจักษ์
คือ
|
|
-
-
1.
ตัดกิเลสกาม
และวัตถุกามได้
|
|
-
-
2.
ตัดพยาบาทได้
|
|
-
-
3. ตัดภพตัดชาติได้เป็นส่วนมาก
|
|
-
อาตมาได้พิจารณาอยู่ดังนี้
ได้สามปีเศษ
ผลที่บังเกิดคือ
เกิดความว่าง ความสว่างในดวงจิตอยู่เสมอๆ
สว่างโล่งคล้ายแสงจันทร์ข้างขึ้นประมาณ
8 ค่ำเห็นจะได้
หากยังมัวๆ
อยู่บ้าง
แต่ขณะที่จะมองหาทางเพื่อปฏิบัติต่อไป
ก็พบแต่เงาบางๆ
บางครั้งก็ดับไป
อาตมาจึงได้อธิษฐานพิจารณาในสมาธิต่อไปอีกว่า การปฏิบัติของอาตมานี้ ควรจะละอะไรต่อไปอีก
|
|