กุศลมูลและอกุศลมูล

 

               มูลคืออะไร มูลคือรากเหง้า กุศลและอกุศลคือรากเหง้าของกุศลและอกุศลนั้นเอง มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายรวมเรียกว่าสัตว์โลก เหล่าที่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เสวยสุขเวทนา ทุกข์เวทนา และอทุกข์อสุขเวทนาเหล่านี้ ก็เพราะกรรมสาม กรรมสามอย่างนั้นคือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม สามอย่างนี้แหละ ทำให้เกิดกรรมนำเข้าไปภายใน ให้เกิดกุศลจิตและอกุศลจิต นำสิ่งที่ดีและไม่ดีเข้าไปสะสมไว้ ให้เกิดเป็นกุศลมูลและอกุศลมูล นำติดตามตนไปสู่ภพภายภาคหน้า

 

               อกุศลมูลนี้ มีสภาพวิญญาณอยู่สองอย่างคือ กรรมหนัก กรรมเบานั้นเอง ส่วนกุศลมูลนั้น มีสองอย่างเหมือนกันคือ บุญน้อยและบุญมากนั้นเอง เมื่อรวมกันทั้งหมดจึงได้สี่อย่างด้วยกันคือ จตุโลกบาลสี่นั้นเอง ผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานด้วยกันทั้งหลายต่างก็คงจะได้พบได้เห็นสิ่งเหล่านี้มาด้วยกันทุกท่าน เว้นแต่จะได้เห็นมากหรือน้อยเท่านั้น ภาพเหล่ากุศลมูล อกุศลมูลนี้ จะมาปรากฏแก่ผู้ปฏิบัติตั้งแต่จิตเข้าสู่ความสว่างในปฏิภาคนิมิต อคหะนิมิต วิตกวิจารณ์จนถึงสุขและเอกัคคตา ตลอดถึงอุเบกขาก็ยังมีอยู่ เพราะภาพกุศลมูลและอกุศลมูลนี้ มันติดตามอยู่เสมอ สำหรับผู้ซึ่งยังเวียนว่ายอยู่ในภพทั้งสาม กุศลมูลอกุศลมูลเหล่านี้ก็ย่อมมาชักจูงอยู่เสมอ ผู้ที่ยังปรารถนาภพอยู่ วิบากกรรมก็ต้องมีอยู่ เว้นแต่ผู้นั้นจะออกไปจาภพได้แล้วเท่านั้น

 

               มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในภพนี้ เมื่อธาตุขันธ์จะแตกดับ ภาพกุศลและอกุศลมูลจะมาปรากฏชักจูงโดยทันทีนำท่านเหล่านั้นไป เมื่อผู้ใดกระทำบาปหยาบช้าลามก ภาพอกุศลมูลจะมาปรากฏชักจูงโดยทันที นั่นคือจตุโลกบาลทั้งสี่นั้นแหละ จะมาชักจูงให้ไปสู่อบายคือแดนนรกนั้นเอง นี้คือทางไปของผู้มีกรรมหนักเมื่อหมดลม

 

               ส่วนผู้ที่มีกรรมเบานั้น ขณะธาตุขันธ์จะแตกดับภาพอกุศลมูล จะมาปรากฏชักจูงขณะนั้น มีภาพสัตว์บ้าง ภาพเปรตหรืออสุรกายบ้าง ภาพปู่ย่าตายายพีป้าน้าอาญาติมิตรลูกหลานภาพรูปต่าง ๆ ที่ตายจากไปก่อน จะมาปรากฏชักจูง ให้ไปติดหรือเกิดในสิ่งเหล่านั้น การเกิดนั้น มีปัจจัยจากกรรมคือการกระทำของท่านผู้เกิดเอง จึงต้องเกิดอยู่ในกามภพ เหมือนเช่นมนุษย์และสัตว์ที่เรามองเห็นด้วยตาเนื้ออยู่ในเวลานี้ มีลักษณะต่างกัน จนบ้าง มีบ้าง บ้างก็ทุกข์ บ้างก็สุข ทุพพลภาพไม่สมประกอบบ้าง เกิดเป็นสัตว์ต่าง ๆ ด้วยกันนานาชนิด เป็นสัตว์น้ำบ้าง สัตว์บกบ้าง เพราะเหตุว่าจิตวิญญาณอันนี้ มีสภาพที่ละเอียดประณีตมาก สามารถเข้าครองสังขารของมนุษย์และสัตว์โลกได้ทุกชนิด

 

               ส่วนที่เป็นกุศลมูลนั้น ขณะที่มนุษย์และสัตว์จะทิ้งสังขารแตกดับลงไป กุศลมูลจะมา ปรากฏเป็นภาพชักจูงตามกรรมของแต่ละบุคคลที่ได้กระทำไว้ นั่นคือภูมิโลกของมนุษย์เรานี้เอง จะมาปรากฏเป็นรูปวิญญาณของมนุษย์ที่สวยสดงดงาม มาแนะนำชักจูงในมนุษย์สมบัติเหล่านี้คือทางไป ของผู้ซึ่งยังมีบุญน้อยอยู่ ส่วนผู้ซึ่งมีบุญมากเล่า ขณะที่สังขารจะแตกดับกุศลมูลจะมาปรากฏเป็นสภาพวิญญาณของเทวดามาชักนำ เป็นสภาพวิญญาณของเทวบุตรที่สวยสดงดงามมาชักจูง ให้ไปจุติบนสวรรค์ ตามชั้นตามภูมิที่ท่านได้กระทำกรรมอันเป็นกุศลมูล ไว้มากน้อยแค่ไหน

 

               โดยสรุปแล้วกุศลมูลและอกุศลมูลนี้ จะมาบังเกิดเป็นสภาพเครื่องนำทาง ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายได้ ก็ด้วยเหตุที่สัตว์และมนุษย์ทั้งหลายได้กระทำกรรมดี กรรมชั่ว ติดตัวไว้เอง คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั้นแหละ จะมาบังเกิดเป็นกุศลมูลและอกุศลมูล ชักนำให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ไปตกอยู่ในภพต่าง ๆ กัน ดังกล่าวมาแล้ว  

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:04:52

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom