ทรัพย์ภายในขั้นโลกีย์ วิสัย

 

               ต่อไปนี้เป็นทรัพย์ภายในขั้นโลกีย์ วิสัย ทางบุญกุศลสมควรกระทำไว้ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ มีดังต่อไปนี้ ขั้นแรกให้ระลึกอยู่อย่างนี้ว่า “สาธุ พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ว่าเป็นสรณะเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ลัทธิอันใดใดจะยิ่งกว่าย่อมไม่มี "

 

               1. การบริจาคให้เป็นทานด้วยวัตถุอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยแก่ท่านผู้อื่น โดยไม่เอาเครื่องวัตถุอันใดใดเป็นการตอบแทนทั้งสิ้น นี่ก็เป็นทรัพย์ภายในที่จะได้ติดตามตนไปให้   เข้าสู่ความสุขต่อไปในมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติฯ

 

               2. การไหว้พระอยู่ทุกเช้าเย็นมีจิตเลื่อมใสอยู่ในพระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ในตนและผู้อื่นที่เคารพอยู่ มีจิตศรัทธาสาธุการตามท่านผู้อื่นอยู่เสมอ ๆ อันนี้ก็เป็นทรัพย์ภายในที่จะได้ติดตามไปได้ทุกเมื่อ ไม่สูญหายแต่ประการใดฯ

 

               3. การไม่ประมาทตนและผู้อื่นในการรักษาศีลละเว้นตามศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ก็ตามถ้าเรามีปิติเลื่อมใสในตนที่รักษาเองหรือมีปิติยินดีในผู้อื่นละเว้นใน ศีลสิกขาบทใดบทหนึ่งก็ตาม อันนี้ก็เป็นบุญกุศลเป็นทรัพย์อีกอย่างหนึ่งฯ

 

               4. การมีปิติเลื่อมใสในการฟังพระธรรมเทศนา ที่ตนได้ฟังเองก็ดีหรือมีปิติในผู้อื่นที่ท่านไปฟังพระธรรมเทศนานั้นก็เป็นบุญเป็นกุศล เป็นทรัพย์ภายในจะได้ติดตามตนไปเป็นมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติอีกอย่างหนึ่งฯ

 

               5. การมีปิติเลื่อมใสในการนักถือบวชทรงเพศพรหมจรรย์คือ ภิกษุ สามเณร ชี พราหมณ์ หรือมีจิตปิติเลื่อมใสถือมั่นในอุบาสก อุบาสิกา ที่ตนได้บำเพ็ญเองก็ดีหรือได้ยินผู้อื่นท่านบำเพ็ญก็ดี ถ้าเรามีจิตปิติเลื่อมใสไม่เสื่อมคลาย เชื่อมั่นอยู่เสมอ อันนี้ก็เป็นทรัพย์อีกอย่างหนึ่งฯ

 

               6. การมีปิติเลื่อมใสในการปฏิบัติจิตสมาธิสมถะวิปัสสนากรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ที่ตนได้ฝึกหัดอบรมด้วยตนเองก็ดี หรือยินดีมีปิติเลื่อมใสในผู้อ่านที่ท่านปฏิบัติจิตขออนุโมทนาสาธุการตามท่านผู้ปฏิบัติ ชายหญิงในความเพียรของท่านอยู่เสมอ ๆ ไม่เสื่อมคลาย อันนี้ก็เป็นบุญเป็นกุศลเป็นทรัพย์ภายในอีกอย่างหนึ่ง

               7. การเลิกจากการกระทำบาปทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ปฏิบัติจิตให้เกิด ให้มีเมตตาปราณีแก่มนุษย์และสัตว์ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่มนุษย์และสัตว์ ด้วยวัตถุเครื่องนุ่งห่มที่อยู่ที่อาศัยและอาหาร ให้เป็นทานไม่ได้เอาการตอบแทนแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เอาดอกเบี้ยเอาแต่ทุนคืนถ้าไม่มีก็ไม่เอาการตอบแทนแต่ประการใด มีจิตเป็นเมตตาอยู่เสมอ ๆ ไม่เสื่อมคลายแต่ประการใด อันนี้ก็เป็นทรัพย์ภายในอีกอย่างหนึ่งฯ

 

               8. ช่วยแนะนำศิลปศาสตร์ ให้รู้บุญและบาป ให้เลิกจากบาป ให้บำเพ็ญบุญ ให้รู้จักคุณผู้อุปการะตนอันนี้ก็เป็นทรัพย์อีกอย่างหนึ่ง

 

               ทรัพย์ 8 ประการนี้ ถ้าท่านเหล่าใดชาย-หญิงทุกท่าน ถ้ายังไม่เกิดไม่มีประจำจิตใจของตนแล้ว จงให้รีบกระทำขึ้น ให้มันเกิดให้มันมีขึ้นประจำจิตใจตนไว้ตามพุทธบัญญัติว่า ท่านชาย-หญิงเหล่าใดมีทรัพย์ถึงแปดประการที่กล่าวมานี้เมื่อมรณภาพ แตกดับไปจากโลกมนุษย์เรานี้ไปแล้ว ต้องไปจุติบนสวรรค์เทวโลกแห่งสวรรค์เป็นที่คอยรองรับอยู่ทุกขณะ เมื่อออกจากบนสวรรค์มาปฏิสนธิในโลกมนุษย์เราอีก ต้องมาเกิดเป็นลูกพระราชามหากษัตริย์ธิราช เพราะท่านชายหญิงมีทรัพย์ภายในที่ได้ติดตามตนมาแล้วตั้งแต่อดีตชาติที่ตนได้กระทำไว้ นี่แหละหมู่ท่านชายหญิงให้รีบประพฤติปฏิบัติกันเถิด เพราะหมู่เราได้เกิดมาแล้ว จะได้รับความสุขความเจริญต่อ ๆ ไป เราต้องอาศัยบุญบารมีตนเองที่ได้สร้างสม อบรมเก็บไว้ ถ้าเราเกิดมาแล้วเช่นนี้เราไม่สร้างบุญกุศลอบรมจิตไว้ เราจะมีบุญกุศลบารมีได้อย่างไร ตัวอย่างที่พูดกันอยู่ในทุกวันนี้มีถมไปไม่รู้เหตุและผล เกิดเป็นคนมาแล้วทำหูหนวกตาบอดอยู่มันไม่มี มีตัวอย่างที่พูดกันว่า…เราไม่มีบุญมีวาสนาจะรักษาศีล  จะบวชไปไม่ได้หรอก คำพูดเช่นนี้หมู่ท่านชายหญิงเคยพูดและเคยได้ยินกับบ้างไหม เคยนึกคิดพิจารณากับบ้างหรือไม่

 

              ดูก่อนท่านชาย-หญิงทุกเพศทุกวัย สิ่งอันใดเราไม่กระทำ ไม่ประพฤติปฏิบัติมันจะเกิดมันจะมีขึ้นได้อย่างไร พวกเราท่านทั้งหลายรีบมาทำกันเถิด สิ่งทั้งปวงได้แก่การกระทำเท่านั้นถ้าท่านกระทำอย่างไรก็จะได้รับผลอย่างนั้นอยู่เสมอ ๆ ไปนั่นแหละไม่ผิดพลาดแต่ประการใด ถ้าเราไม่กระทำไม่ประพฤติปฏิบัติเราอย่าไปประมาทตนและผู้อื่น และอย่าพูดเสียดีกว่า ถ้าเราขืนพูดไปอย่างไรก็จะได้รับผลอย่างนั้นเป็นแน่แท้ไม่ต้องสงสัยในธรรมทั้งปวง  เพราะมนุษย์และสัตว์เราเกิดมามีทำได้สามอย่างเท่านั้นคือ ทำทางกายนี้อย่างหนึ่ง ทางวาจานี้อย่างหนึ่ง ทางใจนี้อีกอย่างหนึ่ง มีอยู่สามอย่างนี้แหละ นอกจากนี้ไม่มีสิ่งกระทำ อย่าปิดบาปไว้มันไม่ดี ฯลฯ

 

               อนึ่งหมู่ท่านชายหญิงรู้แล้วหรือว่าการประพฤติปฏิบัติขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย อย่างที่หมู่ท่านชายหญิงกล่าวกันมานั้นมันถูกหรือผิดให้คิดดูเสียก่อน อย่าไปเชื่อคำพูดอย่างงม ๆ งาย ๆ ประเดี๋ยวสังขารของท่านเขาจะไม่รอคอย เขาจะแตกดับไปเสียเปล่า ๆ เลยไม่พบประสบสัจจะธรรมอย่างแท้จริง จะไม่ประสบสิ่งปรารถนาเกิดเป็นคนมาเลยหมดราคาหาประโยชน์อันใดมิได้เลย ดูก่อนท่านชายหญิงทุกเพศทุกวัย โลกเป็นเหตุ ธรรมเป็นผล ทุกคนให้ตรองดูมันถึงจะรู้ เมื่อท่านทั้งหลายจะขึ้นบ้านนั้นก็ต้องขึ้นบันไดก่อนไม่ใช่หรือ เมื่อสัตว์หรือบุคคลจะขึ้นตนไม้ก็ต้องขึ้นที่ต้นหรือที่โคนก่อนไม่ใช่หรือ ผู้จะขึ้นปลายยอดไม้เลยทีเดียวนั้นมีอยู่ที่ไหนเล่า ให้ตรองดูกันบ้าง ฯลฯ

 

               ถ้าเราท่านชายหญิงมีอริยทรัพย์คือทรัพย์ภายในนั่นเอง ถ้าเรามีทรัพย์ภายในดังกล่าวมานี้  ทรัพย์ภายนอกนั้นก็จะมีมาเอง ไม่ต้องยาก ไม่ต้องลำบากแสวงหามันก็ต้องไหลมาหาทรัพย์ภายในนั่นเอง ทรัพย์ภายในนี้มันเป็นทรัพย์ของวิญญาณของท่านชายหญิง เมื่อสังขารแตกดับตายไปจากโลกกามภพของมนุษย์นี้แล้ว ทรัพย์ภายในที่กล่าวมาแล้วนี้ก็จะติดตามวิญญาณท่านนั้นไปจุติตามภพต่าง ๆ เมื่อจิตวิญญาณของท่านมาเกิดปฏิสนธิในโลกกามภพมนุษย์นี้อีกทรัพย์ภายในที่ท่านได้ กระทำไว้แล้วก็จะได้ติดตามมาให้ท่านได้รับความสุขความเจริญต่อ ๆ ไป จนเข้าถึงซึ่งปรินิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เราทุกข์อย่าไปหลงทุกข์ให้มันมัวหมอง เราจนอย่าไปหลงจนให้มันเกิดทุกข์ เรารวยอย่าไปหลงรวยให้มันเพ้อฝัน ความลาภรวยนี้มันติดผิดศีลธรรม เรามียศอย่าไปหลงยศ ปดศีลธรรมลูบ ๆ คลำ ๆ เป็นสิ่งนำจิตใจให้ไหลหลง หลงชื่อ-หลงเสียงเป็นเรื่องให้เกิดทุกข์ สิ่งเหล่านี้หาสุขมิได้เลย

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:06:08

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom