ทุกขสัจจ์เป็นธรรมอันประกอบทุกข์

 

               ให้พิจารณาให้รู้สิ่งอันใดเป็นอามิสภายนอกก็ให้รู้ด้วย สิ่งอันใดเป็นอามิสภายในก็ให้รู้ด้วย อามิสภายนอกภายในที่ท่านนึกคิดว่าเป็นที่พึ่งที่อาศัยที่เป็นวัตถุก็ตามมิใช่วัตถุก็ตามแข็งก็ตาม หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ประณีตก็ตาม เหลวก็ตาม ใกล้ก็ตาม ไกลก็ตาม ธรรมเหล่านั้นมิใช่อามิส ธรรมเหล่านั้นเป็นพระธรรมเป็นพระวินัยสัตถุศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติภิกษุ สามเณร ชี พราหมณ์ ควรจะคิดติดตามไปในธรรมเหล่านั้นไว้เป็นที่พึ่งที่อาศัยของท่าน เพราะมิใช่ธรรมประกอบทุกข์ เป็นธรรมที่ออกจากความพ้นทุกข์ได้เป็นธรรมน้อมนำจิตใจของท่านเข้าสู่พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่งที่อาศัยของท่านโดยหนึ่งไม่มีสอง เพราะเราไม่เดินตามอามิสนั้นเอง

 

               ธรรมเหล่าใดเป็นอามิส ธรรมเหล่าใดนั้นต้องเป็นธรรมประกอบทุกข์ให้รู้ด้วย

 

               ธรรมเหล่าใดมิใช่เป็นอามิส ธรรมเหล่านั้นเป็นธรรมปราศจากทุกข์ก็ให้รู้ด้วย

 

               อนึ่งผู้ปฏิบัติทั้งหลายชาวพุทธคือ ภิกษุ สามเณร ชี พราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายเมื่อว่าท่านเหล่าใด นึกอยู่ก็ดี คิดอยู่ก็ดี พูดออกมาก็ดี ว่านรกสวรรค์พรหมพระนิพพานไม่มีเช่นนี้ ท่านเหล่านั้นเป็นผู้มืดเป็นผู้ดำมิใช่มนุษย์โส คำว่าผู้มืดผู้ดำเป็นคำหมายถึงเจ้าทุกข์เปรียบเหมือนตัวตนที่ถูกไฟเผาแล้ว แต่ยังเหลืออยู่คือหัวตอที่ดำไหม้เกรียมดังไว้ทุกข์ คือความอาลัยอยู่ในกามนั้นเอง เป็นเครื่องหมายของสีดำมืด แม้แต่จะเล่าเรียนธัมมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าสักเท่าใดก็ตามจะหารู้ในธรรมเหล่านั้นก็หาไม่ หลงไหว้วอนอยู่ในความมืดดำนั่นเองฯ

 

               ผู้ปฏิบัติชาย-หญิงให้รู้ความขาวสว่างแจ่มแจ้งที่เกิดอยู่ในจิต เจตสิก รูป นิพพาน ตามธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากันบ้าง นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน มันเป็นพุทธบัญญัติบุญ-บาป-ศรัทธาบารมีก็เป็นพุทธบัญญัติ  พุทธะ แปลว่า…ผู้เบิกบานผู้สว่างเห็นแจ้งว่า บุญ-บาป-นรก-สวรรค์-พรหม-นิพพานมีอยู่พระพุทธเจ้าถึงบัญญัติไว้ให้ ชาวโลกปวงมนุษย์ให้รู้ในทางไม่สูญ ให้รู้ในทางเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกองทุกข์แห่งวิบากกรรม ให้รู้ในทางไม่มาเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์อีกต่อไป ธรรมเหล่านี้เป็นพุทธบัญญัติมิใช่บุคคลบัญญัติ บุคคลบัญญัติผู้มืดดำก็ว่าบุญ-บาป-นรก-สวรรค์-พรหม-นิพพานไม่มี ท่านเหล่านี้จะเป็นสมมุติเพศใดๆ ก็ตามต้องเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง หมู่ท่านเหล่านั้นแหละจะมาเป็นบิดามารดาพวกหมู่มิคสัญญีต่อ ๆ กันไป เพราะความมืดดำของตนนั่นเอง หมู่พวกเหล่ามิคสัญญีนั้นท่านคาดคะเนเอาว่ามนุษย์และสัตว์เกิดมาแล้ว ก็ต้องตายไปสูญไม่มีอะไรเหลืออยู่ บุญ-บาปไม่มี ถ้าบุญ-บาปไม่มีแล้วจิตใจมนุษย์และสัตว์มันจะเป็นอย่างไร ให้ท่านชาย-ท่านหญิงพิจารณากันบ้างอย่าอยู่นิ่งเฉย ให้รู้เหตุเหล่านั้นด้วย ท่านเหล่านั้นไม่รู้กระทั่งตนเองว่ากระไร โลกมนุษย์กามภพนี้ก็อยู่กันด้วยรูป ภูมินรกก็อยู่กันด้วยรูป ภพสวรรค์ก็อยู่กันด้วยรูป ภพของพรหมก็อยู่กันด้วยรูปมิใช่หรือ เรามาปฏิสนธิอยู่ในโลกกามภพมนุษย์นี้ในเวลานี้ ให้ท่านรู้ว่าต่อไปต้องไปจุติตามภพต่าง ๆ กันคือ ด้วยกุศลและอกุศลด้วยการกระทำทางกาย ทางวาจา ทางใจนั้นเอง อย่าตีควายกระทบคราดประเดี๋ยวนาจะไม่เสร็จ มรรคผลจะไม่มี ดีชั่วอยู่ที่การกระทำ

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:08:15

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom