-
อานิสงส์ในการบำเพ็ญบุญ
|
|
-
ในลำดับนี้อาตมาจะได้ลำดับ
อานิสงส์
แห่งการบำเพ็ญบุญเพื่อเป็นการประดับสติปัญญาต่อท่านพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
การบำเพ็ญบุญกุศลอันยิ่งใหญ่หรือได้บุญมานั่นแหละจะเป็นที่พึ่งแห่งตนเอง
ไม่สูญหายและจะตามติดผู้ปฏิบัติจนถึงซึ่งพระนิพพาน
ดังนั้นอาตมาจึงลำดับอานิสงส์แห่งการบำเพ็ญบุญไว้ในที่นี้เพื่อให้ญาติโยมได้พินิจพิจารณาว่า
เรานี้จะบำเพ็ญบุญอย่างไร
จึงจะได้บุญมาก
|
|
-
การบริจาคทานนั้นนับว่าเป็นบุญเป็นกุศลขั้นต้น
บริจาคทานร้อยหนยังไม่เท่ารักษาศีลหนึ่งหน
รักษาศีลร้อยหนยังไม่เท่าทำจิตใจให้เข้าสู่สมาธิกรรมฐานหนึ่งหน
ทำสมาธิกรรมฐานร้อยหนยังไม่เท่าความสว่างแจ่มแจ้งแห่งปัญญาหนึ่งหน
การรู้แจ้งเห็นจริงใน
อนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา
แห่งกายาของเราว่าเป็นทุกข์ก็นับว่าเป็นอานิสงส์
แต่จะมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติ
ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงย่อมได้บุญมากหรือมีอานิสงส์มาก
ผู้หย่อนการปฏิบัติย่อมได้อานิสงส์น้อยหรือไม่มีเลยก็ว่าได้
|
|
-
สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันนั้นเอง
มนุษย์ที่เกิดมาจึงมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันมากคือ
บางท่านก็ดำ
บางท่านก็ขาว
บางท่านก็ขี้เหร่
บางท่านก็รวย
บางท่านก็ยากจนเข็ญใจ
บางท่านก็เป็นพระราชาหรือพระราชินี
ผลกรรมอันนี้เองพระพุทธเจ้าท่านจึงได้ตรัสไว้ในเรื่องการปฏิบัติ
ท่านได้ฝากไว้ให้แก่พระภิกษุ
สามเณร ชี
พราหมณ์ อุบาสก
อุบาสิกา
ท่านได้แนะนำพร่ำสอนให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล
อย่าหลงอยู่ในกายาเพราะตัณหามันทำให้เกิดก่อกรรม
ทำให้ท่านชาย-หญิงเห็นผิดเป็นชอบประกอบกรรมอยู่เสมอ
ๆ
กิเลสกามความรักใคร่ความกำหนัดอันนี้แหละมันล่อลวงย้อมใจ
ไม่ให้รู้ถึงซึ่งพระนิพพานว่าเป็นสุขอย่างยิ่ง
คงรู้แต่การสะสมในกิเลสกาม
วัตถุกาม
ว่าเป็นความสุขอย่างยิ่ง
แต่มันไม่เป็นดังที่เข้าใจกันนั้นเลย
ความสุขนั้นมีอยู่นิดเดียว
ส่วนความทุกข์นั้นมีมากกว่ามากมายนัก
ทุกข์อันใดจะยิ่งกว่าทุกข์ในสังขารร่างกายย่อมไม่มี
การแก้ทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงนั้นคงมีอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือ
ทำพระนิพพานให้แจ้ง
ให้สว่างไสว
โดยให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยคือ
พระพุทธ
พระธรรม
และพระอริยะสงฆ์
ไว้เป็นทีพึ่งที่อาศัยให้หมั่นกราบไหว้อยู่เป็นนิจ
ทำสมาธิกรรมฐานแห่ง
ญาณทัสนะ
ไว้เป็นพื้นรองของเรา
เพราะมันเป็นทางแห่ง
พระนิพพาน
|
|