กรรมดี-กรรมชั่ว

 

               กรรมทั้งหลายที่ตนได้กระทำไว้แล้วแต่อดีตชาติ – อดีตปัจจุบันที่เราได้กระทำไว้ได้ผ่านมาแล้วโดยนึกไม่ถึงว่ากรรม ที่ตนได้กระทำไว้แล้วนั้นได้ติดตามมา กรรมมาถึงเข้าแล้วกรรมนั้นเขามากระทำจิตใจให้เผลอไผลไปโดยบุคคลรู้ไม่ถึงว่ากรรม  เพราะว่ากรรมนั้นเข้ามาถึง  มากระทำจิตใจให้เกิดหลงผิดเป็นชอบโดยไม่รู้สึกตัว  กรรมนั้นเข้ากระทำจิตใจได้นานาประการโดยบุคคลรู้ไม่ถึงเลยเพราะโลภ – โกรธ – หลง ที่มีอยู่ในตนนั้นเขาปิดบังไว้ทำให้จิตใจยินดีไปต่าง ๆ  นานาโดยบุคคลนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้หารู้ล่วงหน้าได้ไม่ เพราะกรรมนั้นมากระทำให้เราขาดจากสติความยั้งคิดนั้นเอง  เราท่านถึงได้เกิดเป็นทุกข์ทรมาน เศร้าโศกเจ็บปวดไปต่าง  ๆ นานา เพราะว่าเรานึกคิดในเหตุนั้น ๆ ไม่ถึงนั้นเอง กรรมเวรก็ดี-บุญกุศลก็ดี  ที่ตนได้กระทำไว้แล้วนั้นก็ดี ไม่มีท่านเหล่าใดจะมองเห็นได้แม้แต่จะนึกจะคิดก็ไม่ถึงที่เกิดที่มีอยู่ในตนเองก็ดี ไม่มีท่านเหล่าใดรู้ได้แม้แต่คนเดียวนะท่าน  แม้แต่มันเกิดขึ้นมาถึงตนแล้วก็ไม่รู้อยู่นั่นเอง บุญกุศลบาปกรรมเวรที่มาถึงตนเข้าแล้วก็ไม่รู้ จะรู้ได้ก็แต่เพียงเหตุชั่วหรือเหตุดีเท่านั้น บางท่านก็ไม่รู้เสียเลยไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ได้แต่เพียงการกระทำในปัจจุบันชาตินี้เท่านั้นว่าดีว่าชั่วแต่ไม่รู้ซึ่งถึง บุญและบาปที่ตนกระทำนั้นว่ามันเป็นอย่างไร  เพราะตนไม่รู้แจ้งในความตายที่จะมาถึงตนนั้นเองถึงไม่รู้ถึงบุญและบาปกรรมเวรที่ตนได้กระทำไว้ บุญบาปกรรมเวรที่ตนได้กระทำไว้แล้วนั้นติดตามผู้กระทำเหมือนเงาตามตนอยู่เสมอ ๆ ไปแต่ตนของตนหารู้ได้ไม่ในการกระทำของตนว่ามันเป็นอย่างไร  รู้ได้แต่ว่าความทุกข์ที่มาถึงตนเท่นั้นว่าทุกข์ยากลำบากเศร้าใจเท่านั้น หารู้ซึ้งถึงบุญบาปกรรมเวรที่ตนได้กระทำไว้แล้วเราจะได้รับในผลนั้น ๆ หารู้กันได้ไม่ว่ามันเป็นเพราะเหตุอะไร  รู้จักแต่เพียงคำพูดเท่านั้นว่าท่านเหล่าใดทำดีได้ดี  ว่าท่านเหล่าใดทำชั่วได้ชั่วเท่านั้นเอง  รู้ได้แต่เพียงคำพูดสืบ ๆ กันมาเท่านั้นเองไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหารู้กันได้ไม่   เพราะว่ามนุษย์และสัตว์ถึงเมื่อบุญบาปกรรมเวรอุบัติเกิดขึ้นถึงท่านเหล่าใดแล้วหารู้กันได้ไม่  เว้นไว้แต่ผู้ปฏิบัติรู้ซึ้งถึงวิชา  3  แล้วเท่านั้นถึงจะรู้ถึงบุญบาปกรรเวรไปได้เช่นนี้   นอกจากนั้นหารู้ได้ยากในการกระทำที่ตนจะได้รับผลดีหรือผลชั่วในธรรมเหล่านี้  มีแต่ความคิดลังเลสงสัยอยู่เท่านั้นหมู่เราท่านชาย – หญิง  ผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน  วิปัสสนาสมถะ  กระสินสิบ  นิมิตสาม  รูปฌานสี่  วิชาสามก็ดีเราอย่าไปดัดจริตคิดหาด้วยตนเองโดยประมาทในทางที่มิได้เป็นพระธรรม – พระวินัย  ปฏิบัติหาเอกลาภเพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ชื่อเสียงเพื่อหาธรรมวิเศษนอกจาก พุทธเจ้าบัญญัติไว้เช่นนี้แหละเรียกว่าปฏิบัติผิดทางพุทธเจ้าบัญญัติ  โดยประมาทผิดทางนะท่านเพราะว่าศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีอยู่สาวกของท่านก็ยังมีอยู่ออกมาก  ทุกวันนี้ผู้เป็นนักบวชทั้งหลายชาย – หญิงก็ตาม  ให้สำนึกเสียว่าเราเป็นนักบวชอยู่ในพุทธศาสนานี้เราต้องเป็นสาวกของท่านทั้งนั้น  เราต้องเชื่อถือตามคำสั่งสอนของท่านว่ามีอยู่จริง

 

               ข้อที่  1   พุทธเจ้าบัญญัติไว้ว่าบุญบาป  กรรมเวร  นรก  สวรรค์  พระนิพพานมีอยู่จริงเธออย่าไปหาว่าไม่มี  ศีลสมาธิปัญญาพระธรรมพระวินัยขององค์สมเด็จสัมมาสมพุทธเจ้ายังมีอยู่ทุกวันนี้  เราไม่ต้องไปค้นคว้าแสวงหาธรรมวินัยเพื่อมาตรัสธรรมคำสอนขึ้นอีก  ขอให้ลืมตาดูกันบ้างศาสนาพระพุทธเจ้ายังมีอยู่ไม่ใช่หรือดังนี้

 

               ข้อที่  2   ขอให้ท่านผู้อยู่ในพุทธศาสนาคือนักบวชทั้งหลายอุบาสกอุบาสิกาให้ทราบกันไว้บ้าง  ขอให้หมู่ท่านตัดจิตใจ – ตัดนิสัยของตนนั้นให้มันตรงต่อพระธรรม – พระวินัยก็แล้วกัน  พระธรรม – พระวินัยให้รู้ไว้เพื่อสอนตนเท่านั้น  มิใช่เอาพระธรรม – พระวินัยไปกดขี่ข่มเหงท่านผู้อื่นอย่างนี้ก็หาได้ไม่  พระธรรม – พระวินัยเป็นของอันประเสริฐเลิศล้ำหามูลค่าอันใดในโลกนี้ที่จะเอามาเปรียบพระธรรม -   พระวินัยได้นั้น  ย่อมไม่มีนะท่าน  ท่านอย่าเข้าใจผิดหลงเอาพระธรรม - พระวินัยไปใช้เป็นอำนาจเพื่อ รบกวนท่านผู้อื่นให้เดือดร้อนถกเถียงกันเพื่อหาเอา ยศถาบรรดาศักดิ์เพื่อหาเอาเอกลาภบำเรอกามตนและผู้อื่น  ถกเถียงกันเพราะความยินดียินร้ายกลายเป็นสงครามศาสนาอธิกรบ้างหลงไปหาว่าท่านเหล่านั้น ท่านเหล่านี้คิดไม่เป็นธรรมนำเอาเรื่องผู้อื่นไปประจานโดยไร้เหตุและผล  ใช้เล่ห์กลทรมานฆ่าตนให้ตายโดยกิริยาต่าง ๆ โดยเดินทางผิดคิดเล่ห์กลประท้วงต่าง ๆ คิดเห็นผิด ๆ เมื่อท่านเหล่าใดมีจิตใจนึกคิดหรือกระทำก่อเรื่องราวไม่สงบอยู่ตามพระธรรม – พระวินัย ขอเชิญให้หนีไปตายเสียให้ห่างไกล  อย่าให้เพื่อนมนุษย์ชาย –หญิงเขาเห็นหน้าในการประพฤติตามความโง่เขลาของตนเลย  ถ้าขืนอยู่ไปก็จะกระทำสงครามหมู่ท่านจะไม่สงบ  จะทำให้เกิด ความยุ่งวุ่นวายเศร้าหมองจิตใจท่านเสียเปล่า ๆ อย่าอยู่เลยในโลกไม่มีผลสู้ให้ตายไปดีกว่าอยู่ถ้าขืนอยู่ก็หาผลอันใดมิได้เลยนะท่าน เพราะตนคิดกระทำบาปอยู่เสมอ ๆ ถ้าอยู่ไปในโลกนี้นาน ๆ ก็จะเป็นการก่อสร้างบาปกรรมเวรไปมาก  จงกระทำแต่พอดีเถิดเมื่อไปตกนรกก็จะมีวันพ้นโทษได้ เพื่อมาเกิดในโลกมนุษย์คนเราอีกก็ให้มีความสุขกับเขาบ้าง  ผู้คิดผิดอดข้าวทรมานตนเพื่อประท้วงก็ดี  ผู้ยอมตนตายด้วยการเผาตนหรือวิธีใดใดต่าง ๆ เพื่อประท้วงรบกวนท่านผู้อื่นให้เดือนร้อนก็ดี  ท่านเหล่านั้นทำโดยเข้าใจผิดอยากตายโดยไร้เหตุและผล  หมู่ท่านเหล่านี้ปล่อยให้ตายเสียให้หมดก็ดี  ท่านทั้งหลายอย่าไปส่งเสริมแก่หมู่พวกเหล่านั้น   ถ้าไม่มีพวกเหล่านี้มารบกวนแล้ว  ประเทศชาติ –ศาสนาใดๆ ก็จะเจริญรุ่งเรื่องนะท่าน  จะจริงหรือไม่ขอให้พิจารณากันให้ดีจะมีผลหรือไม่

 

               อาตมาภาพเป็นผู้ชี้ทางที่ผิดหรือชี้ทางที่ดีให้หมู่ท่านรู้ตัวกันเสียบ้าง  อาตมาภาพทำเพื่อให้หมู่ท่านรู้ในสิ่งสงบสุขต่อ ๆ ไป  เกิดมาแล้วต้องตายทุกคนไปอยู่นานไม่ได้ดอกท่าน  อาตมาภาพขอเตือนใจแก่หมู่ท่านชาย –หญิง  แต่เพียงเท่านี้  ของจงพิจารณาเอาด้วยตนเองกันบ้าง  ขอถวายไว้ในพุทธศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถาวรสืบต่อ ๆไปเพราะหมู่ท่านเหล่านี้ไม่รู้อะไรกันเสียเลย  เพราะเหตุอะไรมีเหตุอยู่  3  ประการ  เพราะหมู่ท่านมิได้เล่าเรียนนึกคิดพิจารณากันเสียเลยถึงไม่รู้ไม่ภาษากัน  ร้ายยิ่งกว่ามดหรือไส้เดือนไปเสียอีก  ธรรม  3  ประการนี้คือ  ความผิด  1  ความชั่ว  1  ความไม่ดี  1  ธรรมเหล่านี้หมู่ท่านมิได้เล่าเรียนให้รู้กันเสียเลยหมู่ท่านหลงไปเล่าเรียนนึกคิด หาพิจารณากันไปแต่ทางดีเป็นส่วนมาก  จนติดนิสัยเลยหาดีมิได้เลย  ยิ่งเรียนยิ่งโง่  ยิ่งคิดยิ่งนึกยิ่งเขลาหาปัญญามิได้เพราะท่านไม่ได้เล่า ไม่ได้เรียนไม่นึกคิดพิจารณาในธรรมที่ผิดที่ชั่วที่ไม่ดีนั้น  ให้มันละเอียดให้มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเช่นนี้  มันถึงจะเป็นแม่บทกฎหมายเป็นสายทางให้เรารู้แจ้งแห่งปัญญาไปได้อย่างงดงามนะท่านชาย  - ท่านหญิง ถ้าเราไม่รู้คำผิดคำไม่ดีคำชั่วเสียก่อน  เราจะเอาดีมาจากที่ใดกันเล่า  ท่านรู้แต่ดีไม่รู้คำชั่วคำผิดคงหาดีไม่เจอกันแน่  ถ้าท่านเล่าเรียนคำผิดคำไม่ดีคำชั่วจนจบสมบูรณ์ทุก ๆ อย่างแล้วยิ่งกว่าปริญญาบัตรไปเสียอีก  คำดีนั้นเราไม่ต้องแสวงหามันหรอกคำดีนั้นมันจะมีมาถึงตัวท่านเอง  ท่านทั้งหลายจงรีบเล่าเรียนศึกษากันเสียเถิด  เรียนอยู่ในตัวท่านเองนั้นแหละมันถึงจะจบสมบูรณ์  ท่านเหล่าใดเรียนจบแล้วมีความสุขไปถึงจนวันตาย  ตายแล้วก็สุขนะท่านชาย  - ท่านหญิง  จบแต่เพียงย่อ ๆ ให้พิจารณาเอง

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:12:02

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom