ธรรมปัญหาของมนุษย์และเทวดา มาร

 

              ธาตุสังขารของสัตว์และมนุษย์ชายหญิงเราท่านนี้ เรียกว่า “โลก” โลกนี้มีทั้งมนุษย์และเทวดา มาร ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ดูเอาเถิดปัญหาที่มันเกิดขึ้นแก่จิตใจของท่านชายหญิง ผู้ปฏิบัติทุก ๆ ท่านให้รู้ด้วย ปัญหาเหล่านี้เราต้องแก้ด้วยตนเอง

 

              ปัญหาของมนุษย์นั้นก็คือ อวิชชาคือความมืดหนึ่ง ให้เกิดอุปาทานหนึ่ง อุปาทานให้เกิดโลภโกรธหลงหนึ่ง อันนี้เป็นปัญหาของมนุษย์ ที่มันเกิดเป็นปัญหา เราก็ต้องแก้ปัญหานี้อยู่ทุกขณะทุกเวลา ถ้าเราไม่ต้องการแก้ ก็ให้เอาจิตใจเราอยู่ในความว่าง วางเฉยเสีย ในปัญหาของมนุษย์นี้ ก็จะหาทางสิ้นสุดลงได้ไม่ยากนะท่านชายหญิง

 

              ปัญหาของเทวดานั้น ได้แก่ตัณหาสามหนึ่ง โลกธรรมแปดประการหนึ่ง อาสวะทั้งหลายหนึ่ง สามข้อนี้แหละเกิดเป็นปัญหาของเทวดา ผู้ปฏิบัติชายและหญิงเรา ก็ต้องแก้ปัญหาเล่านี้อยู่ทุกเวลา เพราะเป็นปัญหาละเอียดอ่อนของปัญหา ของเทวดา ถ้าเราไม่ต้องการแก้ปัญหาของเทวดานี้ ก็ให้มีสติน้อมนึกได้อยู่เสมอ ๆ มีสัมปชัญญะความรู้ตัวอยู่เสมอ ๆ ให้มีปัญญารู้เท่ากองสังขาร ถ้าจะไม่แก้ปัญหาเล่านี้ ตาเห็นเราก็รู้ หูได้ยินเราก็รู้  อะไร ๆ เราก็รู้ ให้วางเฉยเสีย มันก็จะหมดปัญหาของเทวดาไป

 

              ต่อไปเป็นปัญหามาร ข้อหนึ่ง คือกามฉันท์ มันทำจิตให้ยินดีไปทุกอย่าง ข้อสองคือเป็นพยาบาทโกรธร้ายจองเวร ข้อสามคือ กุกุจจังอันทำจิตให้ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ข้อสี่คือถีนมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอนไม่รู้ทาง ข้อห้าคือวิจิกิจฉาความสงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง ไม่ตกลงใจได้ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาพญามาร แทรกอยู่ในจิตใจชายหญิง ผู้ปฏิบัติต้องแก้ปัญหานี้อยู่เสมอ ๆ ถ้าเราไม่ต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้ ให้เอาจิตใจเรา เอาสิ่งไม่มีมาเป็นอารมณ์เสีย ก็จะหมดปัญหาของพญามารไปเท่านั้น

 

              ปัญหาของมนุษย์และเทวดา มารนี้ มีประจำอยู่ในจิตใจชายหญิงทุก ๆ ท่าน ก็ต้องมีปัญหาเหล่านี้ให้เกิดวิจิกิจฉา สงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง เห็นทางแล้วหาว่าไม่ใช่ทาง เกิดสงสัยตนของตนเอง จิตใจนั่นแหละเป็นตัวจริงของท่าน เป็นสิ่งไม่ตาย พระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นธรรมอันไม่ตาย จิตใจจะเวียนว่าย ปฏิสนธิ จุติ เป็นมนุษย์และสัตว์ก็ดี หรือจุติไปตามภูมิต่าง ๆ ด้วยกุศล อกุศล ก็ต้องไปตามเจตสิกความนึกคิดของแต่ละท่าน เจตสิกมันมีอยู่แล้วทุก ๆ ท่านไป เราไม่ต้องไปเล่าไปเรียนมาจากที่อื่น ๆ ไปทำความวิจิกิจฉาสงสัย ให้เกิดความหลงตนขึ้น เพราะตาเห็น หูได้ยินนั้นเอง ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

 

               ท่านทั้งหลาย จงทำมรรคผลนิพพานให้แจ้งเถิด ขออนุโมทนาด้วย ไม่ควรไปสงสัยในศีล ในธรรม ในพระวินัย สิกขาบท ธรรมะทั้งปวง ไม่ตกลงใจได้หนึ่ง จงนำจิตใจของท่านนั้นให้เข้าสู่ทางมรรคผลนิพพานให้แจ้งเถิด เพื่อสอนตนและผู้อื่น ขออนุโมทนาด้วย

 

              ปัญหาธรรมะอันใด ๆ ที่เกิดนึกคิด อันเป็นความสงสัยลังเล ในธรรมะปัญหาของมนุษย์และเทวดา มาร ที่มันนึกคิด ที่เราเห็นก็ดี เราได้ยินมาก็ดี เราไม่สมควรเรานึกคิด หรือพิจารณา เราอย่าไปเห็น ไปฟัง ไปรู้เสียดีกว่า มันจะทำให้จิตใจเราสงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง เป็นบ่วงพญามาร เพราะตนทำมรรคผลนิพพานยังไม่แจ้ง ไม่ควรไปสนใจในปัญหาธรรมะของมนุษย์และเทวดา มาร เราผู้ปฏิบัติจะหาทางพระนิพพานไม่เจอ เพราะปัญหาธรรมะ ตาเห็นรูป หูได้เสียงนั้นเอง

              เราอย่าไปนึกไปคิด ไปพูนอกเรื่องนอกราว อย่าเป็นผู้ปฏิเสธตนเอง อย่าไปพูดโดยโกรธเคืองคับแคบแค้นใจตนเสีย อย่าไปปฏิเสธตนเอง ให้เอาความรู้ของตนที่มีอยู่ มาทำให้สมบูรณ์ เพื่อสอนตนและผู้อื่น ขออนุโมทนาด้วย

 

จงทำมรรคผล นิพพานให้แจ้งเถิด ขออนุโทนาด้วย

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:18:25

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom