-
ธรรมปัญหาของมนุษย์และเทวดา
มาร
|
|
-
ธาตุสังขารของสัตว์และมนุษย์ชายหญิงเราท่านนี้
เรียกว่า โลก
โลกนี้มีทั้งมนุษย์และเทวดา
มาร
ล้วนแต่มีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น
ดูเอาเถิดปัญหาที่มันเกิดขึ้นแก่จิตใจของท่านชายหญิง
ผู้ปฏิบัติทุก
ๆ
ท่านให้รู้ด้วย
ปัญหาเหล่านี้เราต้องแก้ด้วยตนเอง
|
|
-
ปัญหาของมนุษย์นั้นก็คือ
อวิชชาคือความมืดหนึ่ง
ให้เกิดอุปาทานหนึ่ง
อุปาทานให้เกิดโลภโกรธหลงหนึ่ง
อันนี้เป็นปัญหาของมนุษย์
ที่มันเกิดเป็นปัญหา
เราก็ต้องแก้ปัญหานี้อยู่ทุกขณะทุกเวลา
ถ้าเราไม่ต้องการแก้
ก็ให้เอาจิตใจเราอยู่ในความว่าง
วางเฉยเสีย
ในปัญหาของมนุษย์นี้
ก็จะหาทางสิ้นสุดลงได้ไม่ยากนะท่านชายหญิง
|
|
-
ปัญหาของเทวดานั้น
ได้แก่ตัณหาสามหนึ่ง
โลกธรรมแปดประการหนึ่ง
อาสวะทั้งหลายหนึ่ง
สามข้อนี้แหละเกิดเป็นปัญหาของเทวดา
ผู้ปฏิบัติชายและหญิงเรา
ก็ต้องแก้ปัญหาเล่านี้อยู่ทุกเวลา
เพราะเป็นปัญหาละเอียดอ่อนของปัญหา
ของเทวดา
ถ้าเราไม่ต้องการแก้ปัญหาของเทวดานี้
ก็ให้มีสติน้อมนึกได้อยู่เสมอ
ๆ
มีสัมปชัญญะความรู้ตัวอยู่เสมอ
ๆ
ให้มีปัญญารู้เท่ากองสังขาร
ถ้าจะไม่แก้ปัญหาเล่านี้
ตาเห็นเราก็รู้
หูได้ยินเราก็รู้
อะไร ๆ
เราก็รู้
ให้วางเฉยเสีย
มันก็จะหมดปัญหาของเทวดาไป
|
|
-
ต่อไปเป็นปัญหามาร
ข้อหนึ่ง
คือกามฉันท์
มันทำจิตให้ยินดีไปทุกอย่าง
ข้อสองคือเป็นพยาบาทโกรธร้ายจองเวร
ข้อสามคือ กุกุจจังอันทำจิตให้ฟุ้งซ่านรำคาญใจ
ข้อสี่คือถีนมิทธะ
ความง่วงเหงาหาวนอนไม่รู้ทาง
ข้อห้าคือวิจิกิจฉาความสงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง
ไม่ตกลงใจได้
ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาพญามาร
แทรกอยู่ในจิตใจชายหญิง
ผู้ปฏิบัติต้องแก้ปัญหานี้อยู่เสมอ
ๆ
ถ้าเราไม่ต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้
ให้เอาจิตใจเรา
เอาสิ่งไม่มีมาเป็นอารมณ์เสีย
ก็จะหมดปัญหาของพญามารไปเท่านั้น
|
|
-
ปัญหาของมนุษย์และเทวดา
มารนี้
มีประจำอยู่ในจิตใจชายหญิงทุก
ๆ ท่าน
ก็ต้องมีปัญหาเหล่านี้ให้เกิดวิจิกิจฉา
สงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง
เห็นทางแล้วหาว่าไม่ใช่ทาง
เกิดสงสัยตนของตนเอง
จิตใจนั่นแหละเป็นตัวจริงของท่าน
เป็นสิ่งไม่ตาย
พระพุทธเจ้าเรียกว่าเป็นธรรมอันไม่ตาย
จิตใจจะเวียนว่าย
ปฏิสนธิ จุติ
เป็นมนุษย์และสัตว์ก็ดี
หรือจุติไปตามภูมิต่าง
ๆ ด้วยกุศล
อกุศล
ก็ต้องไปตามเจตสิกความนึกคิดของแต่ละท่าน
เจตสิกมันมีอยู่แล้วทุก
ๆ ท่านไป
เราไม่ต้องไปเล่าไปเรียนมาจากที่อื่น
ๆ
ไปทำความวิจิกิจฉาสงสัย
ให้เกิดความหลงตนขึ้น
เพราะตาเห็น
หูได้ยินนั้นเอง
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
|
|
-
ท่านทั้งหลาย
จงทำมรรคผลนิพพานให้แจ้งเถิด
ขออนุโมทนาด้วย
ไม่ควรไปสงสัยในศีล
ในธรรม
ในพระวินัย
สิกขาบท
ธรรมะทั้งปวง
ไม่ตกลงใจได้หนึ่ง
จงนำจิตใจของท่านนั้นให้เข้าสู่ทางมรรคผลนิพพานให้แจ้งเถิด
เพื่อสอนตนและผู้อื่น
ขออนุโมทนาด้วย
|
|
-
ปัญหาธรรมะอันใด
ๆ
ที่เกิดนึกคิด
อันเป็นความสงสัยลังเล
ในธรรมะปัญหาของมนุษย์และเทวดา
มาร
ที่มันนึกคิด
ที่เราเห็นก็ดี
เราได้ยินมาก็ดี
เราไม่สมควรเรานึกคิด
หรือพิจารณา
เราอย่าไปเห็น
ไปฟัง
ไปรู้เสียดีกว่า
มันจะทำให้จิตใจเราสงสัยลังเลในธรรมทั้งปวง
เป็นบ่วงพญามาร
เพราะตนทำมรรคผลนิพพานยังไม่แจ้ง
ไม่ควรไปสนใจในปัญหาธรรมะของมนุษย์และเทวดา
มาร
เราผู้ปฏิบัติจะหาทางพระนิพพานไม่เจอ
เพราะปัญหาธรรมะ
ตาเห็นรูป
หูได้เสียงนั้นเอง
|
|
-
เราอย่าไปนึกไปคิด
ไปพูดนอกเรื่องนอกราว
อย่าเป็นผู้ปฏิเสธตนเอง
อย่าไปพูดโดยโกรธเคืองคับแคบแค้นใจตนเสีย
อย่าไปปฏิเสธตนเอง
ให้เอาความรู้ของตนที่มีอยู่
มาทำให้สมบูรณ์
เพื่อสอนตนและผู้อื่น
ขออนุโมทนาด้วย
|
|
-
จงทำมรรคผล
นิพพานให้แจ้งเถิด
ขออนุโทนาด้วย
|
|