ใช้ปัญญาพิจารณาตนเอง

 

                เหล่าท่านทั้งหลายควรพิจารณาในตนเองว่า  ขณะนี้เราเป็นอะไรอยู่  ถ้าเป็นปุถุชนผู้ครองเรือน  การปฏิบัติต้องกระทำกันอย่างหนึ่ง  ถ้าเป็นภิกษุ-สามเณร  หรือนักบวช  การปฏิบัติก็ต้องกระทำกันอีกอย่างหนึ่ง  จะเอามาปะปนกันนั้นย่อมกระทำไม่ได้  ถ้าเราผู้ครองเรือนก็ต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในตัณหาของตน  เพราะศีลธรรมสมาธิกรรมฐานที่ปกครองโลกยังมีอยู่  หมู่ท่านอย่าเพิ่งเอา  ศีล-สมาธิ-ปัญญา  ของพระภิกษุ-สามเณร-ชี-พราหมณ์  ผู้ทรงพรตมาพูดมาปฏิบัติ  มันไม่ใช่ทางของคฤหัสถ์  ถ้าพูดไปคิดไปก็ต้องติพระพุทธศาสนาว่า “สอนให้คนขี้เกียจ” ท่านที่กล้ากล่าวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้นคือผู้ไม่รู้จัก “สมาธิกรรมฐานสามัคคีทางโลกนั่นเอง”  ท่านอย่าเดาเอาว่าทางปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน  ของพระภิกษุ-สามเณร-ชี-พราหมณ์  ผู้ทรงพรต  จะต้องเหมือนกับของคฤหัสถ์นั้น  หามิได้  ทางเดินนั้นเขาวางไว้คนละสาย  ท่านที่ยังเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนอยู่นั้น  ท่านกำลังเดินอยู่ในทางสายหนึ่ง  มันเป็นทางที่วกไปเวียนมาไม่มีที่สิ้นสุด  ส่วนทางของนักบวชนั้นมันเป็นทาง “สายกลาง” ต่างหาก  ทางสายนี้เป็นทางสุดเป็นทางถึงเขตพระนิพพาน  ไม่มีทางที่จะต่อไปได้เลย  หมู่ท่านชาย-หญิงอยากไปกันบ้างไหม  เพราะทางนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล  เป็นทางสุดไม่ผุดไม่เกิด  เป็นสุขอย่างยิ่ง

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:27:53

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom