ทางเข้าสู่โลกุตตรธรรม

 

               ผู้ที่จะเดินเข้าสู่ทาง  “โลกุตรธรรม“  นั้นจะต้องเป็นผู้สันโดษมักน้อยไม่เกรงกลัวและหวั่นไหวต่อโลกธรรมแปดประการ  ซึ่งครอบงำอยู่ทุก ๆ วันนี้ได้แก่ มีสุข-มีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา  มีลาภ-เสื่อมลาภ  และ  มียศ-เสื่อมยศ  ทางโลกุตรธรรมนั้นมีศีลเป็นหลักมีสมาธิเป็นเหตุ ได้ปัญญาเป็นผลนั่นเอง ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติไว้เป็นแนวทาง เพื่อให้สาวกของท่านได้ปฏิบัติให้ถูกทางดังนี้

 

               ศีล…เป็นที่ยึดมั่นถือมั่นในทางละเว้น ในทางที่ทำให้สิ้นไป  ปราศจากไป ทำลายวิกถมกิเลส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การตั้งมั่นอยู่ในศีลนั้นเป็นการทำลายกิเลสอย่างหยาบ เมื่อบุคคลใดมีศีลบุคคลนั้นย่อมไม่ทำชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ จิตย่อมตั้งมั่นอยู่ในสมาธิได้โดยง่าย

 

               สมาธิ…ทำลายปริยุฏฐานกิเลส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดมีศีลบริสุทธิ์แล้ว  บุคคลนั้นย่อมเข้าง่ายในสมาธิ บุคคลใดมีสมาธิย่อมมีความสามารถทำลายกิเลสอย่างกลางคือ สามารถข่มจิตมิให้ฟุ้งซ่าน ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของโลภะ โทสะ และโมหะ รวมทั้งความริษยาพยาบาทต่างๆ จิตนั้นย่อมผ่องใสไม่เศร้าหมอง

 

               ปัญญา…ทำลาย “อนุสัยกิเลส“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดมีสมาธิสูงย่อมเกิดปัญญาสามารถหยั่งรู้สภาวะของธรรมทั้งปวง เป็นผู้ทำลายกิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในกายสืบต่อกันมาแต่อดีตกาล ให้หมดไปได้อย่างสิ้นเชิง.

 

               ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดมีศีล สมาธิ และ ปัญญา เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วบุคคลนั้นย่อมสิ้นจาก “อาสวะกิเลสทั้งปวง จิตของผู้นั้นย่อมบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่เศร้าหมองด้วย “อุปกิเลส“ ที่จรมาได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ซึ่งพรหมจรรย์ กิจที่เขาพึงกระทำได้สิ้นสุดลงแล้ว ภพใหม่ย่อมไม่มีสำหรับเขาเหล่านั้นอีกต่อไป.

 

เวลา..วันที่..ขณะนี้...

 

 

Created on..............: Sat, Jul 13, 2002

ปรับปรุงแก้ไขข้อมูลครั้งหลังสุด  23/10/2562 10:28:48

ติดต่อผู้ดูแล web:  webmaster@luangpochom.com

luangpochom