-
ทางเข้าสู่โลกุตตรธรรม
|
|
-
ผู้ที่จะเดินเข้าสู่ทาง
โลกุตรธรรม
นั้นจะต้องเป็นผู้สันโดษมักน้อยไม่เกรงกลัวและหวั่นไหวต่อโลกธรรมแปดประการ
ซึ่งครอบงำอยู่ทุก
ๆ วันนี้ได้แก่
มีสุข-มีทุกข์
มีสรรเสริญ
มีนินทา มีลาภ-เสื่อมลาภ
และ มียศ-เสื่อมยศ
ทางโลกุตรธรรมนั้นมีศีลเป็นหลักมีสมาธิเป็นเหตุ
ได้ปัญญาเป็นผลนั่นเอง
ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงบัญญัติไว้เป็นแนวทาง
เพื่อให้สาวกของท่านได้ปฏิบัติให้ถูกทางดังนี้
|
|
-
ศีล
เป็นที่ยึดมั่นถือมั่นในทางละเว้น
ในทางที่ทำให้สิ้นไป
ปราศจากไป
ทำลายวิกถมกิเลส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
การตั้งมั่นอยู่ในศีลนั้นเป็นการทำลายกิเลสอย่างหยาบ
เมื่อบุคคลใดมีศีลบุคคลนั้นย่อมไม่ทำชั่วทางกาย
ทางวาจา ทางใจ
จิตย่อมตั้งมั่นอยู่ในสมาธิได้โดยง่าย
|
|
-
สมาธิ
ทำลายปริยุฏฐานกิเลส
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลใดมีศีลบริสุทธิ์แล้ว
บุคคลนั้นย่อมเข้าง่ายในสมาธิ
บุคคลใดมีสมาธิย่อมมีความสามารถทำลายกิเลสอย่างกลางคือ
สามารถข่มจิตมิให้ฟุ้งซ่าน
ที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจของโลภะ
โทสะ และโมหะ
รวมทั้งความริษยาพยาบาทต่างๆ
จิตนั้นย่อมผ่องใสไม่เศร้าหมอง
|
|
-
ปัญญา
ทำลาย
อนุสัยกิเลส
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลใดมีสมาธิสูงย่อมเกิดปัญญาสามารถหยั่งรู้สภาวะของธรรมทั้งปวง
เป็นผู้ทำลายกิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในกายสืบต่อกันมาแต่อดีตกาล
ให้หมดไปได้อย่างสิ้นเชิง.
|
|
-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลใดมีศีล
สมาธิ และ
ปัญญา
เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วบุคคลนั้นย่อมสิ้นจาก
อาสวะกิเลสทั้งปวง
จิตของผู้นั้นย่อมบริสุทธิ์ผ่องใส
ไม่เศร้าหมองด้วย
อุปกิเลส
ที่จรมาได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ซึ่งพรหมจรรย์
กิจที่เขาพึงกระทำได้สิ้นสุดลงแล้ว
ภพใหม่ย่อมไม่มีสำหรับเขาเหล่านั้นอีกต่อไป.
|
|