อรูปฌานสี่

               อรูปฌานสี่เป็นชั้นของพรหมตามลำดับขั้นต่อไป เนวะสัญญา-นาวะสัญญา-อาจิตจายตนะ-กจินจายตนะ-อาสายตนะ  อกาสายตนะ  เป็นชั้นแห่งพรหม 6  ชั้น ผู้ปฏิบัติตามธรรมโลกียธรรมนี้  จิตเข้าสู่อรูปฌานสี่ได้แล้ว  เข้าฌานเอาวิญญาณตนไปชมดูพรหม 6  ชั้นนี้ได้ทุก ๆ  ท่าน มิใช่นึกเอา  เดาเอา  คาดคะเนเอาแต่อย่างใด  เหนือพรหมขึ้นไปเป็นอากาศว่างเปล่า ไม่มีวิญญาณใดใด  หรือสิ่งใดใดทั้งนั้น เหนืออากาศขึ้นไปเป็นนิพพานเป็นที่อยู่ของพระอรหันต์  ผู้ที่ได้ฌานดังกล่าวนี้ไปชมดูได้ด้วยตนเองไม่ต้องสงสัย ไปชมได้ด้วยอรูปฌานสี่  อย่าไปติดนิมิตดูรูปดูนามไม่มีผล ถ้าผู้สนใจปฏิบัติในทางโลกียะธรรมที่เป็นธรรมพิเศษในทางโลกภพทั้งสามนี้ เพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์เข้าสู่นิพพานตามทางโพธิสัตว์โพธิญาณเป็นผู้แสวงหาธรรมพิเศษ เพื่อเป็นบารมีอันยิ่งก็ต้องฝึกหัดต้องปฏิบัติตั้งแต่กะสิณสิบเป็นต้นไป  แต่เป็นกะสิณของโลกียะธรรม (มิใช่กะสิณของโลกุตตระธรรมท่านให้รู้สายทางไว้ด้วย เพราะกะสิณมีสองทางด้วยกันพอฝึกกะสิณได้แล้วก็ฝึกเข้านิมิตสามต่อไป พอเข้านิมิตได้แล้วก็ฝึกเข้ารูปฌานสี่-อรูปฌานสี่ต่อไปจนจบแล้วฝึกเข้าวิชาสามต่อไป จนให้เป็นให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ให้น้อมเข้ามาสู่ตนให้ได้ให้เกิดให้มีขึ้นอยู่ทุกขณะเวลาจะใช้ให้ประโยชน์ในทางโลกและทางธรรม ตามประสงค์ของตนผู้ปฏิบัติในธรรมโลกียะธรรม  แต่วิชาสามนั้นเป็นวิชาหัวเลี้ยวหัวต่อจากโลกียะธรรม ต่อไปเข้าสายทาง โลกุตตระธรรมเข้าสายทาง พระอรหันต์ตามพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ไม่ต้องสงสัยในทางปฏิบัติ ขอให้มันเกิดขึ้นอยู่ในตนเองก็แล้วกัน  วิชาสามในทางโลกียะธรรมนี้เป็นความสว่างของฌาน ถ้าผู้ปฏิบัติไม่ได้นำจิตเข้าสู่ฌานก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าฌานนี้มันเป็นข่ายโดยจำเพาะในเวลา ผู้ปฏิบัติจะดูให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ชั่วคราวเท่านั้น  มิใช่ญาณที่บังเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติในทาง  ศีล-สมาธิ-ปัญญา  ทางโลกุตตระธรรมแต่อย่างใด  ถ้าญาณทางโลกุตตระธรรมเกิดขึ้นแก่ผู้ปฏิบัติแล้วไม่มีดับแต่อย่างใด  มีความหยั่งรู้อยู่เสมอ ๆ  ไป ไม่เหมือนฌานทางโลกียะธรรมเกิดดับ ๆ  อยู่  ถ้าเกิดดับ ๆ  อยู่ก็ต้องเป็นทางโลกียะธรรมอยู่นะท่านชาย-หญิงฯ